logo
กรมธนารักษ์
สำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาญจนบุรี
THE TREASURY
DEPARTMENT
MENU
  • A
  • A
  • A

เกี่ยวกับจังหวัด

ประวัติจังหวัดกาญจนบุรี      
       เมืองกาญจนบุรี เป็นเมืองโบราณเก่าแก่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาทุกยุคสมัย สามารถแบ่งออกเป็นยุคสมัยตามหลักฐานที่พบ ได้ดังนี้
 
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ 
       เริ่มตั้งแต่สมัยเริ่มกำเนิดมีมนุษย์ขึ้นในโลก จากสภาพภูมิศาสตร์ที่มีภูเขา แม่น้ำ ป่าไม้ สิงสาราสัตว์มากมาย เหมาะที่จะเป็นที่ตั้งอาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์พบหลักฐานทางด้านโบราณคดีมากมายได้แก่เครื่อมือหินกะเทาะ เครื่องมือสมัยหินใหม่ เครื่องมือสมัยโลหะ โครงกระดูกมนุษย์ ภาชนะดินเผา เครื่องประดับ ภาพเขียนสีที่ผนังถ้ำ โลงศพ ฯลฯ ตามถ้ำเพิงผา และตามลำน้ำแควน้อยแควใหญ่ ตลอดไปจนลุ่มแม่น้ำแม่กลอง
 
สมัยอยุธยาเป็นราชธานี
       ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีเมืองกาญจนบุรีปรากฏชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไปต้องกลายมาเป็นเมืองหน้าด่านเพราะตั้งอยู่ติดกับประเทศคู่สงครามคือ.พม่า.กาญจนบุรีจึงเป็นเส้นทางเดินทัพและสมรภูมิด้วยเหตุว่ามีช่องทางเดินติดต่อกับพม่าคือด่านพระเจดีย์สามองค์และด่านบ้องตี้ จึงนับว่ามีความสำคัญที่สุดเมืองหนึ่งในทางยุทธศาสตร์ยังปรากฏชื่อสถานที่ในพงศาวดารหลายแห่ง เช่น ด่านพระเจดีย์สามองค์ สามสบ ท่าดินแดง พุตะไคร้ เมืองด่านต่างๆ เมืองกาญจนบุรีตั้งอยู่ในช่องเขาริมลำน้ำแควใหญ่มีลำตะเพินอยู่ทางด้านทิศเหนือ ด้านหลังติดเขาชนไก่ห่างจากที่ตังปัจจุบันไป.ประมาณ14กิโลเมตร ชาวบ้านเรียกกันว่าเมืองกาญจนบุรีเก่ามีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด170x355เมตร.มีป้อมมุมเมืองก่อด้วยดินและหินทับถมกันลักษณะของการตั้งเมืองเหมาะสมแก่ยุทธศาสตร์ในสมัยนั้นอย่างยิ่งด้วยเป็นซอกเขาที่สกัดกั้นพม่าที่ยกมาทางด่านพระเจดีย์สามองค์มุ่งจะไปตีเมืองสุพรรณบุรีและอยุธยาจำเป็นต้องตีเมืองกาญจนบุรีให้ได้เสียก่อนหากหลีกเลี่ยงไปอาจจะถูกกองทัพที่เมืองกาญจนบุรีตีกระหนาบหลัง ปัจจุบันยังมีซากกำแพงเมืองป้องปราการพระปรางค์เจดีย์และวัดร้างถึง7วัด ด้วยกัน สมัยอยุธยานี้ไทยต้องทำสงครามกับพม่าถึง24ครั้ง กาญจนบุรีเป็นสมรภูมิหลายครั้งและเป็นทางผ่านไปตีอยุธยาจนต้องเสียกรุงครั้งที่2ในปี พ.ศ.2310 และต้องย้ายราชธานีใหม่
 
สมัยอิทธิพลขอม
       จากหลักฐานทางเอกสารที่เก่าแก่ที่สุดที่กล่าวถึงเมืองกาญจนบุรี.คือ.พงศาวดารเหนือ.กล่าวว่า"กาญจนบุรีเป็นเมือง พญากง.พระราชทานบิดาของพระยาพานเป็นเมืองสำคัญของแคว้นอู่ทอง หรือสุวรรณภูมิมีผู้สันนิษฐานว่าพญากงสร้างขึ้นราว พ.ศ.1350"ต่อมาขอมได้แผ่อิทธิพลนำเอาศาสนาพุทธมหายานเข้ามาประดิษฐานในเมืองกาญจนบุรีปรากฏหลักฐานคือปราสาทเมืองสิงห์ เมืองครุฑ เมืองกลอนโด จนอำนาจอิทธิพลขอมเสื่อมลงไป
 
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี
       เมื่อไทยย้ายราชธานีมาอยู่ที่กรุงเทพฯเพียง3ปีก็เกิดสงครามใหญ่คือสงคราม9ทัพแต่ไทยสามารถยันกองทัพพม่าแตกพ่ายไปได้ณ.สมรภูมิรบเหนือทุ่งลาดหญ้าในปีต่อมาก็ต้องทำสงครามที่สามสบและท่าดินแดงอีกและไทยตีเมืองทวายจากนั้นจะเป็นการรบกันเล็กน้อยและมีแต่เพียงข่าวศึกเพราะพม่าต้องไปรบกับอังกฤษในที่สุดก็ตกเป็นเมืองขึ้นและเลิกรบกับไทยตลอดไปในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นยุทธศาสตร์การรบเปลี่ยนไปโดยเหตุที่พม่าต้องนำทัพลงมาทางใต้เพื่อเข้าตีกรุงรัตนโกสินทร์จำเป็นต้องมีทัพเรือล่องลงมาจากสังขละบุรี มาตามลำน้ำแควน้อยผ่านอำภอไทรโยคมายังปากแพรก ซึ่งเป็นที่รวมของแม่น้ำทั้งสองด้วยเหตุนี้หลังจากสิ้นสงคราม9ทัพแล้วจึงได้เลื่อนที่ตั้งฐานทัพจากเมืองกาญจนบุรีที่ลาดหญ้ามาตั้งที่ตำบลปากแพรกซึ่งเป็นที่รวมของแม่น้ำทั้ง2สาย กลายเป็นแม่น้ำแม่กลองพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงอธิบายว่า"ที่จริงภูมิฐานเมืองปากแพรกดีกว่าเขาชนไก่เพราะตั้งอยู่ในที่รวมของแม่น้ำทั้ง2สาย พื้นแผ่นดินที่ตั้งเมืองก็สูงแลเห็นแม่น้ำน้อยได้ไกลป้อมกลางย่านตั้งอยู่กลางลำน้ำทีเดียวแต่เมืองกาญจนบุรีทีย้ายมาตั้งใหม่นี้เดิมปักเสาระเนียดแล้วถมดินเป็นเชิงเทินเท่านั้น"ในสมัยรัชกาลที่2กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ได้เสด็จออกมาขัดตาทัพกำแพงเมืองก็คงเป็นระเนียดไม้อยู่ต่อมาจนถึงพ.ศ.2374พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่3ได้โปรดให้ก่อสร้างกำแพงเมืองและป้อมปราการขึ้นเป็นถาวรทั้งนี้โดยมีพระราชประสงค์ส่วนใหญ่เพื่อติดต่อค้าขายกับเมืองราชบุรีดังพระราชนิพนธ์เสด็จพระพาสไทรโยคกล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า"แต่มีเมืองปากแพรกเป็นที่ค้าขายด้วยเขาชนไก่เมืองเดิมอยู่เหนือมากมีแก่งถึงสองแก่งลูกค้าไปมาลำบากจึงลงมาตั้งเมืองเสียที่ปากแพรกนี้เป็นทางไปมาแก่เมืองราชบุรีง่ายเมืองที่สร้างขึ้นใหม่กว้าง5เส้นยาว18วา มีป้อม 4มุมเมืองป้อมย่านกลางด้านยาวตรงหน้าเมืองทิศตะวันตกเฉียงใต้มีป้อมใหญ่อยู่ตรงเนินด้านหลังมีป้อมเล็กตรงกับป้อมใหญ่1ป้อม"การสร้างเมืองกาญขนบุรีใหม่นี้ดังปรากฏในศิลาจารึกดังนี้ให้พระยาราชวรินทร์เจ้ากรมพระตำรวจเป็นพระยาประสิทธิสงครามรามภักดีศรีพิเศษประเทศนิคมภิรมย์ราไชยสวรรค์พระยากาญจนบุรีครั้งกลับเข้าไปเฝ้าโปรดเกล้าฯว่าเมืองกาญจนบุรีเป็นเมืองอังกฤษ พม่า รามัญไปมาให้สร้างเมืองก่อกำแพงขึ้นไว้จะได้เป็นพระนครเขื่อนเพชรเขื่อนขัณฑ์มั่นคงไว้แห่งหนึ่งในปัจจุบันกำแพงถูกทำลายลงโดยธรรมชาติและหน่วยราชการเพื่อประโยชน์อย่างอื่นเหลือเพียงประตูเมืองและกำแพงเมืองบางส่วน
 
ทวาราวดี
       เมื่ออินเดียได้เดินทางเข้ามาค้าขายและเผยแพร่พุทธศาสนายังแคว้นสุวรรณภูมิในราวพุทธศตวรรษที่.11-16.พบหลักฐานศิลปะอินเดียสมัยคุปตะในสมัยทวาราวดี ตามลำน้ำแควน้อย แควใหญ่ และแม่กลอง ที่บ้านวังปะโท่ บ้านท่าหวี บ้านวังตะเคียน และพงตึก โบราณวัตถุสถานที่พล เช่น ซากเจดีย์ วิหาร พระพุทธรูป พระพิมพ์ เสมาธรรมจักร ระฆังหิน เครื่องประดับ ภาชนะดินเผา และพบตะเกียงโรมันสำริดที่มีอายุราว พ.ศ.600 นับเป็นโบราณวัตถุที่เก่าแก่ที่สุดของไทย
 
สมัยธนบุรีเป็นราชธานี
       กรุงธนบุรีเป็นราชธานีใหม่จากการกู้เอกราชโดยพระเจ้ากรุงธนบุรีในสมัยนี้เกิดสงครามกับพม่าถึง10ครั้งกาญจนบุรีเป็นสมรภูมิอีกหลายครั้ง เช่น สงครามที่บางกุ้งและที่บางแก้ว ซึ่งมีสมรภูมิรบกันที่บริเวณบ้านหนองขาว
 
การปกครองของเมืองกาญจนบุรี
       ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นประกอบด้วยเมืองด่าน8เมืองอยู่ในแควน้อย6เมืองแควใหญ่2เมือง.ตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ในทางยุทธศาสตร์เพราะได้ตั้งให้พวกมอญอาสา มอญเชลยและกะเหรี่ยงเป็นเจ้าเมืองปกครองกันเองเพื่อให้มีเกียรติศัพท์ดังออกไปเมืองพม่าว่ามีหัวเมืองแน่นหนาหลายชั้นและมีหน้าที่คอยตระเวณด่านฟังข่าวคราวข้าศึกติดต่อกันโดยตลอดเมื่อสงครามว่างเว้นลงแล้วเจ้าเมืองกรมการเหล่านี้ก็มีหน้าที่ส่งส่วย ทองคำ ดีบุกและสิ่งอื่นๆแก่รัฐบาลโดยเหตุที่ในสมัยนั้นมิได้จัดเก็บภาษีอากรจากพวกเหล่านี้แต่อย่างใด เมืองด่าน7เมือง(รามัญ7เมือง)ประกอบด้วยเมืองในสุ่มแม่น้ำแควน้อย 6และเมืองแควใหญ่1เมืองคือ
 
       เมืองสิงห์
       เมืองลุ่มสุ่ม
       เมืองท่าตะกั่ว
       เมืองไทรโยค
       เมืองท่าขนุน
       เมืองทอผาภูมิ
       เมืองท่ากระดาน
 
       เมืองต่างๆเหล่านี้ผู้สำเร็จราชการเมืองยังไม่มีพระนามในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเป็นภาษาสันสกฤตแก่ผู้สำเร็จเมือง ดังนี้
 
       เมืองสิงห์ เป็น พระสมิงสิงห์บุรินทร์ ปัจจุบันเป็นต้นสกุล สิงคิบุรินทร์ ธำรงโชติ
       เมืองลุ่มสุ่ม เป็น พระนินภูมิบดี ปัจจุบันเป็นต้นสุกล นินบดี จ่าเมือง หลวงบรรเทา
       เมืองท่าตะกั่ว เป็นพระชินติฐบดี ปัจจุบันเป็นต้นสกุล ท่าตะกั่ว ชินอักษร ชินหงสา
       เมืองไทรโยค เป็น พระนิโครธาภิโยค ปัจจุบันเป็นต้นสกุล นิโครธา
       เมืองท่าขนุน เป็นพระปนัสติฐบดี ปัจจุบันเป็นต้นสกุล หลักคงคา
       เมืองทองผาภูมิ เป็น พระเสลภูมิบดี เป็นต้นสกุลเสลานนท์ เสลาคุณ
       เมืองท่ากระดาน เป็นพระผลกติฐบดี เป็นต้นสกุล พลบดี ตุลานนท์
 
       ครั้นเมื่อมีการปกครองตามระเบียบสมัยใหม่ ร.ศ.114 เมืองด่านเหล่านี้ถูกยุบลงเป็นหมู่บ้าน ตำบล กิ่งอำเภอ เป็นอำเภอบ้างตามความสำคัญของสถานที่ ดังนี้
 
       เมืองทองผาภูมิ(เดิมเรียกว่าท้องผาภูมิ)ยุบลงเป็นหมูาบ้านอยู้ในเขตกิ่งอำเภอสังขละบุรี(ต่อมาเป็นอำเภอสังขละบุรี)ปัจจุบันเป็นอำเภอทองผาภูมิ
 
      เมืองท่าขนุน(สังขละบุรี)ยุบลงเป็นกิ่งอำเภอสังขละบุรีขึ้นต่ออำเภอวังกะซึ่งตั้งใหม่อยู่ห่างจากท่าขนุนขึ้นไปตั้งที่ว่าการริมน้ำสามสบต่อมาอำเภอวังกะและกิ่งอำเภอสังขละบุรีได้ถูกเปลี่ยนฐานสลับกันหลายครั้งและต่อมากิ่งอำเภอสังขละบุรีตั้งอยู่ที่ตำบลวังกะเดิมขึ้นต่ออำเภอทองผาภูมิและเปลี่ยนชื่อเป็นอำเภอสังขละบุรี.ส่วนกิ่งอำเภอสังขละบุรีเดิมตั้งอยู่ที่ตำบลท่าขนุนเปลี่ยนเป็นอำเภอทองผาภูมิ ตั้งแต่ พ.ศ.2492 เป็นต้นมา 
 
      เมืองไทรโยคยุบลงเป็นกิ่งอำเภอวังกะ ใน พ.ศ.2492 ต่อมาได้โอนขึ้นกับอำเภอเมืองกาญจนบุรีได้ย้ายที่ทำการหลายครั้ง ปัจจุบันนี้ตั้งที่ทำการอยู่ที่ตำบลวังโพธิ์และได้ยกขึ้นเป็นอำเภอไทรโยค เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ.2506
 
       เมืองท่าตะกั่ว ยุบลงเป็นหมู่บ้านอยู่ในตำบลท่าเสา อำเภอไทรโยค
       เมืองลุ่มสุ่ม ยุบลงเป็นหมู่บ้านในตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค
       เมืองสิงห์ ยุบลงเป็นหมู่บ้านอยู่ในตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค
 
ตามลำน้ำแควใหญ่มีเมือง 2 เมือง คือ
       เมืองท่ากระดาน ยุบลงเป็นหมู่บ้านอยู่ในกิ่งอำเภอศรีสวัสดิ์(ปัจจุบันเป็นอำเภอศรีสวัสดิ์)
       เมืองศรีสวัสดิ์(ด่านแม่แฉลบ)ยุบลงเป็นกิ่งอำเภอไทรโยค(ปัจจุบันเป็นอำเภอศรีสวัสดิ์)
 
ในปี พ.ศ.2467 จังหวัดกาญจนบุรี ประกอบด้วยอำเภอและกิ่งอำเภอ ดังนี้
       อำเภอเมือง ตั้งที่ทำการอยู่ตำบลปากแพรก ในกำแพงเมืองเก่า ประกอบด้วย
             - กิ่งอำเภอศรีสวัสดิ์
             - กิ่งอำเภอไทรโยค
             - กิ่งอำเภอบ่อพลอย
 
       ปัจจุบันทั้ง 3 กิ่งอำเภอได้ยกฐานะเป็นอำเภอ
            - อำเภอท่าม่วง ตั้งที่ว่าการที่ตำบลท่าม่วง เดิมตั้งอยู่ที่ตำบลวังขนาย ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำแม่กลองเรียกว่า อำเภอวัง
              ขนาย ครั้น พ.ศ.2489 จึงย้ายมาสร้างใหม่ที่ตำบลท่าม่วงจนถึงปัจจุบัน
            - อำเภอพนมทวน ตั้งที่ว่าการตำบลพนมทวน ก่อนเรียกว่าอำเภอบ้านทวนและก่อน ร.ศ.120(พ.ศ.2445)เรียกว่าอำเภอเหนือ
            - อำเภอท่ามะกา ตั้งที่ว่าอยู่ที่ตำบลท่ามะกา ก่อนเรียกตำบลพระแท่นอยู่ในเขตตำบลพงตึกขึ้นกับจังหวัดราชบุรี และได้
              โอนมาสังกัดจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อ พ.ศ.2480
            - อำเภอทองผาภูมิ ตั้งที่ว่าอยู่ที่ตำบลท่าขนุน มีกิ่งอำเภอสังขละบุรีอยู่ในสังกัดจังหวัดกาญจนบุรี ตั้งอยู่ภาคกลางของ
              ประเทศไทยห่างจากกรุงเทพมหานคร 129 กิโลเมตร มีพื้นที่ 12ล้านไร่หรือ 19,483.ตารางกิโลเมตร มีชายแดนติดต่อกับ
              สหภาพพม่าระยะทางประมาณ 370 กิโลเมตร มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่
 
                   ทิศเหนือ จด จังหวัดตากและจังหวัดอุทัยธานี
                   ทิศใต้ จด จังหวัดราชบุรี
                   ทิศตะวันออก จด จังหวัดสุพรรณบุรีและนครปฐม
                   ทิศตะวันตก จด สหภาพพม่า
 
เขตการปกครองและประชากร
 
       แบ่งเขตการปกครองออกเป็น
       - 13 อำเภอ 95 ตำบล 915 หมู่บ้าน
       - องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มี องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง เทศบาลเมือง 1 แห่ง เทศบาลตำบล 26 แห่ง และองค์การบริหารส่วนตำบล 95 แห่ง
 
คำขวัญประจำจังหวัด
 
       แค้วนโบราณ ด่านเจดีย์ มณีเมืองกาญจน์   สะพานข้ามแม่น้ำแคว แหล่งแร่ น้ำตก
 
ตราประจำจังหวัด
 
       สัญญลักษณ์เจดีย์สามองค์ทรงป้านเป็นศิลปแบบมอญสูงประมาณ6เมตรช่องห่างระหว่าเจดีย์5-6เมตรเส้นทางสายนี้ในอดีตใช้เป็นทางเดินทัพที่สำคัญและใกล้ที่สุดของประเทศคู่ศึกไทยกับพม่าหากจะนับแล้วไม่ต่ำกว่า15ครั้ง ที่มีการยกทัพผ่านเส้นทางประวัติศาสตร์สายนี้จากความสำคัญดังกล่าวจึงได้ใช้รูปเจดีย์สามองค์เป็นตราประจำจังหวัดและองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อเป็นสิ่งเตือนใจสำหรับชนรุ่นหลังให้รำลึกถึงวีรกรรมอันห้าวหาญของบรรพชนที่ยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตในอันที่จะพิทักษ์ผืนแผ่นดินไว้
 
ธงประจำจังหวัด
 
ธงประจำจังหวัด พื้นธงเป็นสีฟ้า ตรงกลางเป็นสีแสดและมีตราจังหวัดอยู่ตรงกลาง
 
ดอกไม้ประจำจังหวัด
ดอกกาญจนิกา
 
ต้นไม้ประจำจังหวัด
 
ต้นขานาง
 
การเดินทางรถยนต์
       ไปตามถนนเพชรเกษมหรือไปตามถนนบรมราชชนนีผ่านนครชัยศรี-นครปฐม-บ้านโป่งท่ามะกา-ท่าม่วงถึงจังหวัดกาญจนบุรี รวมระยะทาง 129.กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง หรือใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร สอบถามเพิ่มเติม โทร.1543
 
รถโดยสารประจำทาง
       ออกจากสถานีขนส่งสายใต้รถปรับอากาศชั้นหนึ่ง(วิ่งสายใหม่เส้นถนนบรมราชชนนี-นครชัยศรี)ออกทุก 20นาที ตั้งแต่เวลา 05.00-22.30น.รถปรับอากาศชั้นสองออกทุก 20นาที มีบริการ 2เส้นทางคือเส้นทางสายเก่า(ถนนเพชรเกษม-อ้อมใหญ่-นครชัยศรี)และเส้นทางสายใหม่(ถนนบรมราชชนนี-นครชัยศรี)ตั้งแต่เวลา05.10-21.00น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ2ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กาญจนบุรีทัวร์ โทร.02-4355012หรือที่เว็บไซต์ www.transport.co.th
 
รถไฟ
       ออกจากสถานีรถไฟบางกอกน้อยวันละ2เที่ยวเวลา 07.40น.และ 13.50น.แวะจอดที่สถานีกาญจนบุรี สะพานข้ามแม่น้ำแคว ท่ากิเลน สถานีน้ำตก ใช้เวลาประมาณ 4ชั่วโมงครึ่ง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถานีรถไฟบางกอกน้อย โทร.0-2411-3102 วันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ มีรถไฟเที่ยวพิเศษ นำเที่ยวไปกลับภายในวันเดียว รายละเอียดสอบถามเพิ่มเติมได้ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย โทร.0-2223-7010,0-2223-7020และ1690หรือที่เว็บไซต์ www.railway.co.th
 
ระยะทางจากตัวเมืองไปยังอำเภอต่างๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี
       อำเภอท่าม่วง 12 กิโลเมตร
       อำเภอพนมทวน 24 กิโลเมตร
       อำเภอท่ามะกา 30 กิโลเมตร
       อำเภอด่านมะขามเตี้ย 30 กิโลเมตร
       อำเภอบ่อพลอย 40 กิโลเมตร
       อำเภอไทรโยค 50 กิโลเมตร
       อำเภอห้วยกระเจา 64 กิโลเมตร
       อำเภอหนองปรือ 75 กิโลเมตร
       อำเภอเลาขวัญ 98 กิโลเมตร
       อำเภอศรีสวัสดิ์ 102 กิโลเมตร
       อำเภอทองผาภูมิ 145 กิโลเมตร
       อำเภอสังขละบุรี 230 กิโลเมตร
แผนที่สำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาญจนบุรี
 
       สำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี โทร.034-511778,034-512399
       ประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี โทร.034-512410,034-514756
       สำนักงานเทศบาลเมืองกาญจนบุรี โทร.034-511502-2
       ที่ว่าการอำเภอเมืองกาญจนบุรี โทร.034-511040,034-622952
       สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกาญจนบุรี โทร.034-621040-2
       โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โทร.034-622999,034-511233
       บริษัทขนส่ง จำกัด โทร.034511387
       สถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรี โทร.034-511182
       สถานีรถไฟกาญจนบุรี โทร.034511285
       ตำรวจท่องเที่ยว โทร.1155 ตำรวจทางหลวง โทร.1193
14 พฤศจิกายน 2561 | จำนวนเข้าชม 2488 ครั้ง